ออกมาโพสต์ข้อความลงโซเชียลของตัวเอง ว่าต่อจากนี้จะออกมาขอพูดในด้านของตนเองบ้าง หลังเรื่องราวต่างๆ คลาดเคลื่อน “นับจากนี้ปูจะขออนุญาตออกมาโพสต์ในแต่ละเรื่องที่บิดเบือนความจริงอย่างต่อเนื่อง ในทุกเรื่องที่ปูมีส่วนทำให้หลายคนรอบตัวถูกมองไปในทิศทางที่ผิดและเสียหาย ตอนนี้ปูพร้อมแล้วที่จะออกมาปกป้องหลายๆ คน” พร้อมทั้งบอกอีกว่า จะใช้ช่องทางโซเชียลสื่อสาร กับพี่ๆ น้องๆ สื่อมวลชนและประชาชนทุกคน
ต่อมาวันที่ 9 ส.ค. ปู โพสต์ต่อเนื่อง พร้อมเปิดเรื่องแรกว่า ประเด็นแรกที่ปูอยากจะพูด ปูอยากออกมาพูดในส่วน ทนายกิ่ง ก่อนอื่นต้องขอโทษ ทนายกิ่ง ผ่านทางนี้อีกครั้ง ที่ทำให้ทนายต้องมาเจอกับสิ่งที่ไม่ควรจะเจอ จากการที่รับดูแลในส่วนของคดีปู จนทำให้ต้องถูกชี้หน้าด่ากลางรายการว่า “อย่ามาโกหกตอแหล” “อีกิ่งมึงตอแหลกูอีกแล้วนะ” “อีกิ่งมึงมาหากูนี่ทั้งพ่อทั้งลูกเลย” ฯลฯ
ซึ่งปูทราบว่าตั้งแต่ทนายกิ่งเกิดมาไม่เคยเจออะไรแบบนี้ แถมโดนด่าซ้ำแล้วซ้ำอีก ดูหมิ่นทั้งซึ่งหน้าและในโซเชียล พี่อยากจะบอกน้องสาวในฐานะที่อดีตเราเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน สิ่งที่น้องทำมันไม่ถูกต้อง จึงเป็นสาเหตุให้ทนายกิ่งต้องฟ้องน้อง น้องต้องแยกก่อนว่าทนายกิ่งได้เข้ามาว่าความให้พี่ เป็นตัวแทนพี่เท่านั้น ดังนั้นเค้าเป็นแค่ตัวกลางในการรับข้อมูลความจริงจากพี่ และน้องไม่มีสิทธิ์ชี้หน้าด่าเค้าแบบนั้น
น้องชอบอ้างว่าไม่รู้กฎหมาย ข้ออ้างนี้พี่ต้องขอบอกว่ามันฟังไม่ขึ้น จริงๆ น้องไม่จำเป็นต้องรู้กฎหมายเพราะคนปกติเค้าก็ไม่ทำกัน ยิ่งน้องทำออกรายการที่มีคนดูเยอะ เยาวชนก็ดูเยอะ ยิ่งไม่สมควรทำอย่างที่สุด มันคือมารยาทขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนควรมี ด่าทนายกิ่งไม่พอแถมลากคุณพ่อเค้าเข้ามาอีก โดยไม่สนใจอายุว่าท่านอายุมากกว่าน้องขนาดไหน สังคมไทยการเคารพและให้เกียรติผู้ที่อาวุโสกว่าเป็นสิ่งสำคัญ
พี่อยากบอกน้องให้ทราบ และพี่ไม่ได้มีเจตนาจะต่อว่าน้องนะคะ แต่ที่ออกมาพูดเพราะน้องจะได้รู้เหตุผลว่าทำไมทนายกิ่งถึงต้องฟ้องน้อง น้องชี้หน้าด่าทนายว่า “อย่ามาโกหกตอแหล” แต่ในความเป็นจริง น้องเองที่ไม่พูดความจริงทั้งหมด น้องโทรทวงเงิน 170,000บาท (1 แสน พี่สงสารน้อง ถ้าคนที่หลอกน้องไปเขาไม่คืน พี่รับปากกับน้องว่าพี่จะเอาเงินส่วนตัวพี่คืนให้น้องเองทั้งๆ ที่น้องโอนไปเอง จริงๆ แล้วพี่ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบก็ได้)
พี่ถามน้องว่า น้องจะไม่ไปออกรายการ ไม่ไปแถลงข่าวกับคู่กรณีพี่ใช่มั้ย แต่น้องตอบพี่ว่าน้องต้องไปเพราะน้องรับปากไว้แล้ว ถ้าน้องไม่ไปน้องเป็นหมา พี่เสียใจมากนะที่ก่อนน้องจะออกมาแฉพี่เพียง 1 วัน เรายังไปกินเที่ยวด้วยกันอยู่เลย แต่พอน้องได้โอกาสที่จะทำให้น้องมีชื่อเสียง น้องกลับเหยียบพี่ขึ้นไปเพื่อที่น้องต้องการดังโดยไม่สนความรู้สึกของพี่และความสัมพันธ์ที่ผ่านมาเลยแม้แต่น้อย
แต่พี่เข้าใจนะ เพราะมันคือโอกาสเดียวของน้อง ที่ผ่านมาน้องเดินสายแฉคนอื่นมานานแต่น้องก็ไม่ดังสักที ตอนนี้น้องแฉพี่และน้องก็ได้แสงดังสมใจน้องแล้ว แต่พี่อยากบอกน้องว่า ความดังของน้องมันไม่ได้มาเพราะความสามารถและหน้าตาของน้องตั้งแต่แรก เพราะถ้ามันได้มาด้วยตัวน้องเองน้องคงดังไปนานแล้ว
แต่ที่น้องได้มาเพราะน้องเหยียบหัวใจเหยียบหัวพี่ขึ้นไป เหมือนที่น้องเรียกจิกหัวพี่ว่า “อีปู” น้องด่าไปถึงตระกูลสามีพี่ เหยียบหัวคนนอกที่เค้าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรา เพราะถ้าน้องรักพี่จริงเหมือนที่น้องบอกพี่มาตลอด น้องจะไม่แถลงข่าวแฉพี่ อย่างมากก็ดำเนินคดีกับพี่ ฟ้องพี่เงียบๆ น้องก็สามารถทำได้
แต่น้องไม่เลือกทำ น้องเลือกที่จะทำลายชีวิตพี่และครอบครัวพี่ เพียงเพราะน้องอยากออกสื่อ เพราะน้องอยากดังเท่านั้น วันนี้น้องทำให้พี่รู้ว่าน้องไม่เคยจริงใจและไม่เคยรักใครจริงเหมือนกับที่น้องพูดเสมอมา ความจริงใจของน้องมันไม่มีอยู่จริง… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
VDO