วันเสาร์, 7 กันยายน 2567

สามีไม่ยอมแพ้ ดำน้ำกว่า 600 ครั้ง ค้นหาร่างภรรยา หลังถูกสึนามิพัดหายเมื่อ 13 ปีก่อน เผยทำเพราะรู้สึกใกล้ชิดกับภรรยาที่จากไป

19 ส.ค. 2024
366

ไม่เคยหมดหวัง สามีไม่ยอมแพ้ ดำน้ำกว่า 600 ครั้ง ค้นหาร่างภรรยา หลังถูกสึนามิพัดหายเมื่อ 13 ปีก่อน เผยทำเพราะรู้สึกใกล้ชิดกับภรรยาที่จากไป

สามีไม่ยอมแพ้ ดำน้ำ ค้นหาร่างภรรยา ถูกสึนามิพัดหาย 13 ปีก่อน คร่าชีวิตนับหมื่นราย

เว็บไซต์ต่างประเทศ รายงานว่า จากโศกนาฏกรรม ‘สึนามิ’ ภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นเมื่อ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554 ที่คร่าชีวิตผู้คนกว่า 20,000 ราย สูญหายอีกเกือบ 3,000 คน

เหตุการณ์ดังกล่าวได้คร่าชีวิตภรรยาของนายทาคามัตสึ ที่ถูกน้ำพัดหายจากหลังคาห้องทำงาน โดยปัจจุบันสามียังไม่ยอมแพ้ที่จะดำน้ำค้นหาร่างของภรรยา

ตามรายงานของสื่อญี่ปุ่น เผยว่า นางยูโกะ ทาคามัตสึวัย 47 ปี เธอเป็นหนึ่งในผู้สูญหายจากเหตุสึนามิถล่มญี่ปุ่น โดยนายยาสุโอะ ทาคามัตสึ สามีของยูโกะ ได้เริ่มค้นหาร่างของภรรยา ตั้งแต่ถูกน้ำพัดหายจมทะเลมาตลอดกว่า 13 ปีอย่างไม่เคยยอมแพ้

ภาพประกอบ

โดยนายทาคามัตสึ เล่าว่า เพื่อที่จะค้นหาร่างของภรรยาของเขา เขาได้ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงต่อวันอ่านหนังสือเกี่ยวกับการเรียนดำน้ำในปี 2556

นอกจากนี้ เขายังได้เรียนรู้จากนายมาซาโยชิ ทากาฮาชิ ผู้เชี่ยวชาญในการกู้ซาก และมีประสบการณ์ในการค้นหาร่างสูญหายในมหาสมุทร

ต่อมาในปี 2557 หลังจากผ่านการสอบรับรองการดำน้ำระดับชาติ เขาได้เริ่มดำน้ำหลายร้อยครั้งตามบริเวณนอกชายฝั่งญี่ปุ่น และให้คำมั่นว่า จะฝังศพภรรยาของเขาอย่างสมเกียรติ


ภาพประกอบ

อย่างไรก็ตาม จนถึงปัจจุบันนายทาคามัตสึดำน้ำ เพื่อค้นหาร่างภรรยาสุดที่รักไปแล้วอย่างน้อย 600 ครั้ง แต่ตลอดช่วง 13 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยพบศพของภรรยาของเขาเลย ซึ่งเขาพบเพียงโบราณวัตถุบางส่วนเท่านั้น

ภายหลังนายทาคามัตสึ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า แม้ว่าการค้นหาจะเผชิญกับความยากลำบากมากมาย แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องค้นหาต่อไป โดยเขาให้เหตุผลว่า เขารู้สึกใกล้ชิดกับภรรยาของเขามากที่สุดตอนที่เขาลงทะเลเท่านั้น

ทั้งนี้ เหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2554 ถือเป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงเป็นอันดับ 4 ของโลก นับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลแผ่นดินไหวสมัยใหม่ตั้งแต่ปี 1900


ภาพประกอบ

โดยแผ่นดินไหวดังกล่าวก่อให้เกิดสึนามิ สูงถึง 40.5 เมตร ซัดเข้าชายฝั่งเมืองมิยาโกะในจังหวัดอิวาเตะ และในพื้นที่เมืองเซนไดสร้างความเสียหายไปไกลถึง 10 กิโลเมตร

ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 20,000 ราย และบาดเจ็บเกือบ 7,000 คน รวมถึงมีผู้สูญหายมากถึงเกือบ 2,600 คน

อีกทั้ง ภัยพิบัติครั้งนี้ส่งผลให้สารกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชาวเมืองหลายแสนคน และต้องมีการอพยพประชาชนในรัศมี 20 กิโลเมตรรอบโรงไฟฟ้าอีกเช่นกัน… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_9369092