วันเสาร์, 12 ตุลาคม 2567

เศร้าสลด! หญิงนั่งรถอยู่ดีๆ เจอร่างคนร่วงทะลุกระจกมาทับ ลูกชายใจสลาย เสียแม่ทั้งคนเพราะคนไม่รักชีวิตตัวเอง (ตปท.)

07 ก.ย. 2024
3204

เศร้าสลด! หญิงนั่งรถอยู่ดีๆ เจอร่างคนร่วงทะลุกระจกมาทับ ลูกชายใจสลาย เสียแม่ทั้งคนเพราะคนไม่รักชีวิตตัวเอง (ตปท.)

เรื่องนี้มีที่มาจาก เว็บไซต์ต่างประเทศ Daily Mail ได้มีการรายงานเหตุสลด เมื่อ มาร์การิตา โนเวลา กาลินโด หญิงวัย 59 ปี มีอันต้องเสียชีวิตจากอุบัติเหตุสุดช็อก หลังมีคนกระโดดสะพานลงมาตกใส่รถของเธอที่วิ่งอยู่บนถนน จนร่างทะลุกระจกหน้ารถมากระแทกใส่ตัวของเธอเต็ม ๆ เป็นผลให้หญิงผู้เคราะห์ร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส อาการวิกฤตต้องเข้าไอซียูนานร่วม 3 สัปดาห์ แต่แพทย์สุดยื้อชีวิต ทำให้ครอบครัวต้องเผชิญการสูญเสียอย่างคาดไม่ถึง

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงค่ำวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา หลังมาร์การิตานั่งอยู่บนรถที่สามีของเธอเป็นคนขับ โดยใช้เส้นทางถนน 210 ฟรีเวย์ ในลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา อยู่ ๆ เหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อมีชายคนหนึ่งจงใจกระโดดสะพานเพื่อจบชีวิตตัวเอง ร่างของเขาร่วงตกลงมาใส่รถของ มาร์การิตาที่ขับผ่านมา แรงกระแทกนั้นทำให้กระจกหน้ารถทะลุและโดนตัวมาร์การิตาเต็ม ๆ

หลังเกิดเหตุ ชายคนดังกล่าวถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในสภาพสาหัส ไม่ชัดเจนว่าเขารอดชีวิตหรือไม่ และไม่มีการเปิดเผยชื่อผ่านสื่อ ขณะที่มาร์การิตาได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตอนแรกไม่มีใครคิดว่าอาการของเธอจะเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ปรากฏว่าอาการของเธอสาหัสกว่าที่คิดมาก เป็นเวลานานถึง 3 สัปดาห์ ที่เธอต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดในห้องไอซียู แต่ท้ายที่สุดเธอก็จากโลกนี้ไป

ทางด้านลูกชายของมาร์การิตา กล่าวว่า คุณแม่ต่อสู้อย่างกล้าหาญเป็นเวลาเกือบ 3 สัปดาห์ แต่ในวันที่ 28 ส.ค. หมอบอกเราว่าแม่จะไม่ฟื้นขึ้นมาแล้ว น่าเศร้าที่แม่ของผมต้องเสียชีวิต ทิ้งผม น้องชาย น้องสาว และหลาน ๆ ทั้ง 7 คนไป ตอนนี้พ่อของผมอยู่ตามลำพังโดยไม่มีความรักในชีวิตเขาแล้ว มันไม่ยุติธรรมอย่างยิ่งที่ชีวิตของเธอถูกพรากไป แค่เพราะใครสักคนที่ไม่ต้องการชีวิตของพวกเขาเอง


อย่างไรก็ตาม ลูกชายของเธอ ยังได้เผยอีกว่า พ่อของเขายังให้อภัยแก่ชายที่กระโดดสะพานได้อย่างเหลือเชื่อ แม้ความปรารถนาที่จะจบชีวิตของชายคนดังกล่าว เป็นสาเหตุให้แม่ของเขาต้องจากครอบครัวอันเป็นที่รักของพวกเขาไปตลอดกาล โดยพ่อไม่ได้รู้สึกแค้นเคืองใด ๆ แม้ไม่รู้ว่าชายคนนั้นมีปัญหาอะไรจึงตัดสินใจเช่นนั้นก็ตาม

ข้อมูล Daily Mail