วันที่ 17 ก.ย. 2567 เพจเฟสบุ๊ก ฝ่าฝุ่น โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า อัพเดทสถานการณ์ของดีเปรสชั่น 98W ออกจากชายฝั่งฟิลิปปินส์มุ่งหน้าเวียดนามแล้ว กำลังผ่านน่านน้ำที่มีศักยภาพในการขุนพายุได้ดีที่สุดในโลกตอนนี้ ทำให้เราต้องเฝ้าติดตามพายุลูกนี้ให้ดี เส้นทางคือผ่านตอนกลางของเวียดนาม มายังลาว เข้าสู่อีสานเหนือ ไปยั่ง น่าน พะเยา และ เชียงราย (อีกแล้ว)
ในอนาคตเมื่อโลกเดือดขึ้นเรื่อยๆ เราจะประสบกับความเหวี่ยงของฝนจากแล้งๆเป็นฝนบอมป์หรือพายุที่รุนแรงทวีกำลังได้เร็วมาก และสภาพฝนเหวี่ยงแบบนี้จะรุนแรงชึ้นเรื่อยๆ เราคงหยุดโลกร้อนไม่ได้มากเพราะมันตั้งอยู่พื้นฐานของความรักสบาย เห็นแก่ตัว และ ทุนนิยม
ดังนั้นสำหรับคนไทยมีวิธีสร้างภูมิคุ้มกันคือ
1. ปรับตัวกับสภาพที่ต้องอยู่กับน้ำ คงเหมือนสมัยปู่ย่าตายายที่เราอยู่กับคลอง น้ำท่วม ฯลฯ ได้โดยไม่เดือดร้อนเท่าไร น้ำเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
2. บริหารจัดการน้ำให้เก่ง เริ่มจากระบบเล็กๆด้วยการบริหารห้วยหลังหมู่บ้าน ขุดบ่อเก็บน้ำ (ทำโดยชาวบ้าน) ไปจนถึงระบบขนาดกลางและใหญ่ (ทำโดยราชการ) ให้มีความสามารถในการเก็บและชะลอน้ำไว้ได้ ให้มันลงเก็บใต้ดิน เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางอาหารและทรัพยากรน้ำ
3. รักษาป่าไม้ให้สมบูรณ์
ข้อมูลจากกรมอุทยานฯ พบว่าสัดส่วนป่าเต็งรังนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หมายความว่าป่าเบญจพรรณกำลังเปลี่ยนมาเป็นป่าเต็งรังมาขึ้นเรื่อยๆ หรือในภาษาชาวบ้าน ป่าโดยรวมกำลังลดความสมบูรณ์ชุ่มชื้นลงจากน้ำที่ป่าเก็บกักไว้ลดลงเรื่อยๆ ขั้นต่อไปคือป่าเต็งรังจะกลายมาเป็นทุ่งหญ้าซึ่งเป็นเชื้อไฟอย่างดี เราควรรักษาป่าให้สมบูรณ์ที่สุดด้วยการไม่ตอแย การจุดเผาป่าเป็นการตอแยที่แย่ที่สุด โชคดีแค่ไหนแล้วที่ป่ายังฟื้นฟูตัวเองให้หายป่วยได้เอง ป่านั้นจะเป็นกันชนกับการเหวี่ยงของฝน ทั้งน้ำเยอะเกินและน้ำแล้ง มันจะทำให้เรามีน้ำใช้ตลอดปี
ณ จุดนี้เห็นใจคนเชียงรายมาก ว่าบางคนยังไม่ทันได้ล้างบ้านเลย เข้าบ้านไม่ได้ น้ำยังไหลเชี่ยวหรือมีโคลนหนาเป็นฟุตๆ มีโอกาสจะโดนอีกลูกซะแล้ว
ขอบคุณ ฝ่าฝุ่น