จากสื่อต่างประเทศ ได้รายงานว่า ดิลาน พาเทล (Dilan Patel) โค้ชด้านสุขภาพสำหรับผู้หญิง ได้แชร์เรื่องราวที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งในวัย 25 ปี หลังจากสังเกตเห็นอาการที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจกลางดึก
โดยเขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองฮอดจ์กินระยะที่ 4B ซึ่งเป็นเรื่องที่ช็อคเขามาก เพราะเขาคิดว่าชีวิตเขานั้น”ปกติ” จนกระทั่งเขาเริ่มมีเหงื่อออกตอนกลางดึก และตื่นขึ้นมาเสื้อผ้าและที่นอนเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อทุกคืน
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองฮอดจ์กิน (Hodgkin’s Lymphoma) คือมะเร็งที่เกิดในระบบน้ำเหลือง ซึ่งมีหน้าที่กรองของเหลวในร่างกายและต่อสู้กับการติดเชื้อ หากมีอาการเหงื่อออกตอนกลางคืน ร่วมกับอุณหภูมิร่างกายสูง และการลดน้ำหนักอย่างไม่สามารถอธิบายได้ จะถือว่าเป็นระยะ 4B คือระยะที่มะเร็งได้แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ ของร่างกายแล้ว เช่น ปอด หรือ ตับ
– เหงื่อออกตอนกลางคืนอย่างรุนแรง
– มีไข้สูงที่มาและไปบ่อยๆ โดยเฉพาะในเวลากลางคืน
– การลดน้ำหนักโดยไม่สามารถอธิบายได้
ในโพสต์บนอิสตราแกรมเขาเล่าว่า “ชีวิตตอนนั้นของผมดูเหมือนปกติ ผมทำงานหนัก ออกกำลังกาย พบปะเพื่อนฝูง และพยายามหาทางเลือกในชีวิต แต่จู่ๆ ก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ ผมตื่นกลางดึกแล้วพบว่าเสื้อผ้าและที่นอนเปียกไปด้วยเหงื่อทุกคืน 2-3 ครั้ง ผมคิดว่าอาจจะเป็นเพราะผมร้อนจากผ้าห่ม แต่ก็ปล่อยไว้ จนมันเกิดขึ้นหลายเดือนแล้ว อาการอื่นๆ ก็มี เช่น เหนื่อยตลอดเวลา คันผิวหนังมากจนต้องพกครีมทาตลอด และพบก้อนที่คอ แต่ก็คิดว่าเป็นกล้ามเนื้อที่โตจากการออกกำลังกาย”
กระทั่งสุดท้ายเมื่ออาการเริ่มแย่ลง เขาตัดสินใจไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบ และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งฮอดจ์กินระยะ4B เขามีเนื้องอก 5 ก้อน และมันกระจายไปที่ปอดแล้ว เขาไม่ได้คิดเลยว่าอาการเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาปล่อยไปจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ขนาดนี้ จึงอยากฝากไว้ว่า “ให้ฟังสัญญาณจากร่างกายของคุณ อย่าปล่อยไว้จนสายเกินไป”
หลังจากการวินิจฉัยนี้ เขาตัดสินใจดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างจริงจัง ทั้งในเรื่องของโภชนาการ ฟิตเนส และนิสัยประจำวันจนในปัจจุบัน หลังจากการทำเคมีบำบัด 9 ปี เขาก็หายจากมะเร็งแล้ว และได้ออกจากงานในบริษัทที่มีเงินเดือนสูง เพื่อเปิดธุรกิจ DNA Fitness ช่วยให้ผู้หญิงดูแลสุขภาพ
โพสต์ของเขาได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้คนที่เคยมีอาการเหมือนเขา หลายคนแชร์ประสบการณ์และบอกว่าอาการของพวกเขาก็คล้ายกัน และตัดสินใจจะไปปรึกษาแพทย์เพื่อความมั่นใจ แม้สุดท้ายมันอาจจะไม่ใช่มะเร็ง แต่ก็ยังดีกว่าที่จะปล่อยไว้จนสายเกินไป ดังที่ ดิลาน พาเทล ได้เตือนไว้ว่า “อาการเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้เกิดขึ้นเพราะเหตุผลบางอย่าง อย่ารอจนกว่าจะสายเกินไป”